สำนวนไทย มีอยูในภาษาพูดตั้งแต่ก่อนเรามีภาษาเขียนในสมัยสุโขทัย เมื่อเรามีภาษาเขียนจารึกเป็นหลักฐาน ข้อความในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมีสำนวนไทยปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ เช่น
- เจ็บท้องข้องใจ หมายถึง มีเรื่องเดือดร้อน
- ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
- เหย้าเรือนพ่อเชื้อเสื้อดำ หมายถึง ทรัพย์สมบัติ
การที่มีภาษาเขียนครั้งแรก มีสำนวนไทยปรากฏทันที แสดงว่าสำนวนไทยเรามีใช้ในภาษาพูดอยู่ก่อนแล้ว
ในสมัยนั้มีสุภาษิตพระร่วงเกิดขึ้นถึงแม้คำจะไม่ใช่ครั้งกรุงสุโขทัยทั้งหมด แต่ก็เชื่อว่ามีเค้าของเดิมอยู่มาก ซึ่งมีเนื้อหาเป็นสำนวนไทยที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันมากมายเช่น
- เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่
- อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าริอ่านแก่ความ
- ประพฤติตนตามบุรพระบอบ เอาแต่ชอบเสียผิด
- ที่รักอย่าดูถูก ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง
- หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคนอย่ากินแรง
ในหนังสือกฏมณเฑียรบาลของเก่ามีสำนวนไทยปรากฏอยู่ เช่น
- ข้าวเหลือเกลืออิ่ม
- ตีให้หลาบปราบให้กลัว
- น้องก็ว่าจะจี่ พี่ก็ว่าจะเผา
นอกจากนี้ในหนังสือวรรณคดีไทยเล่มสำคัญ ๆ ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา เช่น ลิลิตพระลอ ลิลิตยวนพ่าย มหาเวสสันดรชาดก ฯลฯ
ล้วนมีถ้อยคำสำนวนไทยอยู่มากมาย
- เจ็บท้องข้องใจ หมายถึง มีเรื่องเดือดร้อน
- ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
- เหย้าเรือนพ่อเชื้อเสื้อดำ หมายถึง ทรัพย์สมบัติ
การที่มีภาษาเขียนครั้งแรก มีสำนวนไทยปรากฏทันที แสดงว่าสำนวนไทยเรามีใช้ในภาษาพูดอยู่ก่อนแล้ว
ในสมัยนั้มีสุภาษิตพระร่วงเกิดขึ้นถึงแม้คำจะไม่ใช่ครั้งกรุงสุโขทัยทั้งหมด แต่ก็เชื่อว่ามีเค้าของเดิมอยู่มาก ซึ่งมีเนื้อหาเป็นสำนวนไทยที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันมากมายเช่น
- เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่
- อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าริอ่านแก่ความ
- ประพฤติตนตามบุรพระบอบ เอาแต่ชอบเสียผิด
- ที่รักอย่าดูถูก ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง
- หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคนอย่ากินแรง
ในหนังสือกฏมณเฑียรบาลของเก่ามีสำนวนไทยปรากฏอยู่ เช่น
- ข้าวเหลือเกลืออิ่ม
- ตีให้หลาบปราบให้กลัว
- น้องก็ว่าจะจี่ พี่ก็ว่าจะเผา
นอกจากนี้ในหนังสือวรรณคดีไทยเล่มสำคัญ ๆ ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา เช่น ลิลิตพระลอ ลิลิตยวนพ่าย มหาเวสสันดรชาดก ฯลฯ
ล้วนมีถ้อยคำสำนวนไทยอยู่มากมาย
การแบ่งประเภท ของสำนวนสามารถแบ่งออกได้หลายอย่างด้วยกันแล้วแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คุณค่าสำนวนไทย
ภาษาพูดหรือภาษาเขียนของชนแต่ละชาติย่อมจะมีอยู่ด้วยกันสองอย่างคือ พูดตรงไปตรงมาตามภาษาของตนเอง เป็นภาษาพูดที่ต่างคนต่างฟังเข้าใจกันได้ง่าย
พูดเป็นชั้นเชิง มีการใช้โวหารในการพูดและการเขียน ทั้งนี้เพื่อให้ความหมายช้ดเจน หรือขยายความออกไป หรือเพื่อให้เกิดความไพเราะขึ้น เป็นภาษาที่เราเรียกว่า
"เล่นลิ้น" หรือ" พูดสำบัดสำนวน" สำนวนเหล่านั้นจะแสดงความหมายอยู่ในตัวประโยคนั้นเอง
ค่านิยม
เพ็ญแข วัจนสุนทร ( เพ็ญแข 2522 ) กล่าวถึงค่านิยมของคนไทยไว้ว่า เมื่อเรายอมรับว่า ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และวัฒนธรรมคือวิถีแห่งการดำเนินชีวิตของคนในสังคมอีกด้วย เราพอจะมองเห็นสิ่งที่คนในสังคมไทยยึดถือปฏิบัติจนกลายเป็นค่านิยมได้จากสุภาษิต สำนวน และคำพังเพย ที่พูดสืบต่อกันมาแต่โบราณกาล
ประโยชน์ในการศึกษาสำนวนโวหาร
1. ทำให้ใช้ภาษาในการเขียน ความเรียงต่างๆ ได้ดีขึ้น เป็นการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับความ เรียงที่เขียนขึ้น
2. ทำให้ได้คติสอนใจ ในด้านต่างๆ เช่น
- ด้านการเรียน ตัวอย่างๆ “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม” “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” “ความรู้ท่วม หัวเอาตัวไม่รอด”
- ด้านการคบค้าสมาคม ตัวอย่าง “คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” “คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง”
- ด้านการครองเรือน ตัวอย่าง “ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า” “ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน”
- ด้านความรัก ตัวอย่าง “ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน” “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ” “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”
3. ทำให้ทราบความเป็นอยู่ของคนในสังคม ในสมัยที่เกิดสำนวนโวหารนั้น ว่ามีความเป็นอยู่ อย่างไร เช่น “อัฐยายซื้อขนมยาย” “แบ่งสันปันส่วน” “หมูไปไก่มา”
4. เป็นการรักษาวัฒนธรรมทางภาษาอันเป็นมรดกที่ล้ำค่าของไทยไว้ให้ลูกหลานภาคภูมิใจ
อดเปรี้ยวกินหวานคุณค่าสำนวนไทย
ภาษาพูดหรือภาษาเขียนของชนแต่ละชาติย่อมจะมีอยู่ด้วยกันสองอย่างคือ พูดตรงไปตรงมาตามภาษาของตนเอง เป็นภาษาพูดที่ต่างคนต่างฟังเข้าใจกันได้ง่าย
พูดเป็นชั้นเชิง มีการใช้โวหารในการพูดและการเขียน ทั้งนี้เพื่อให้ความหมายช้ดเจน หรือขยายความออกไป หรือเพื่อให้เกิดความไพเราะขึ้น เป็นภาษาที่เราเรียกว่า
"เล่นลิ้น" หรือ" พูดสำบัดสำนวน" สำนวนเหล่านั้นจะแสดงความหมายอยู่ในตัวประโยคนั้นเอง
ค่านิยม
เพ็ญแข วัจนสุนทร ( เพ็ญแข 2522 ) กล่าวถึงค่านิยมของคนไทยไว้ว่า เมื่อเรายอมรับว่า ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และวัฒนธรรมคือวิถีแห่งการดำเนินชีวิตของคนในสังคมอีกด้วย เราพอจะมองเห็นสิ่งที่คนในสังคมไทยยึดถือปฏิบัติจนกลายเป็นค่านิยมได้จากสุภาษิต สำนวน และคำพังเพย ที่พูดสืบต่อกันมาแต่โบราณกาล
ประโยชน์ในการศึกษาสำนวนโวหาร
1. ทำให้ใช้ภาษาในการเขียน ความเรียงต่างๆ ได้ดีขึ้น เป็นการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับความ เรียงที่เขียนขึ้น
2. ทำให้ได้คติสอนใจ ในด้านต่างๆ เช่น
- ด้านการเรียน ตัวอย่างๆ “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม” “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” “ความรู้ท่วม หัวเอาตัวไม่รอด”
- ด้านการคบค้าสมาคม ตัวอย่าง “คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” “คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง”
- ด้านการครองเรือน ตัวอย่าง “ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า” “ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน”
- ด้านความรัก ตัวอย่าง “ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน” “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ” “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”
3. ทำให้ทราบความเป็นอยู่ของคนในสังคม ในสมัยที่เกิดสำนวนโวหารนั้น ว่ามีความเป็นอยู่ อย่างไร เช่น “อัฐยายซื้อขนมยาย” “แบ่งสันปันส่วน” “หมูไปไก่มา”
4. เป็นการรักษาวัฒนธรรมทางภาษาอันเป็นมรดกที่ล้ำค่าของไทยไว้ให้ลูกหลานภาคภูมิใจ
- ให้ละทิ้งสิ่งที่ไม่ดีนั้นเสีย เพื่อรับเอาสิ่งที่ดีเข้าไว้ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาอดใจรออยู่นาน
อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น
- เมื่ออาศัยอยู่บ้านใคร ก็อย่าอยู่เปล่า ควรช่วยทำงานทำการให้เป็นประโยชน์ต่อเขาบ้าง
อัฐยายซื้อขนมยาย
- การได้รับประโยชน์หรือได้รับทรัพย์จากผู้ใดผู้หนึ่ง แล้วเอาทรัพย์นั้นมาใช้กับผู้นั้นต่อ
เอาจมูกคนอื่นมาหายใจ
- อาศัยความคิดหรือแรงของคนอื่นมาทำงานให้ตน
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
- สำนวนนี้ มุ่งให้คำนึงว่า ควรจะมีความเห็นใจซึ่งกันและกัน หรือนึกถึงอกเขาอกเราบ้าง ว่าตัวเราจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเขาทำอย่างนั้นกับเรา.
เอาทองไปรู้กระเบื้อง
- ลดตัวเองลงไปต่อสู้กับคนที่ต่ำศักดิ์กว่า โดยไม่คู่ควรกัน
อ้อยเข้าปากช้าง
- สิ่งที่หลุดลอยไปเป็นของคนอื่นแล้ว ก็ย่อมจะสูญหรือไม่มีทางจะได้คืนมาง่าย ๆ
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
- รู้เท่าทันคำพูดที่พูดออกมา
อาบน้ำต่างเหงื่อ
- ทำงานหนัก
อาบน้ำร้อนมาก่อน
- เกิดก่อนจึงได้รู้เห็นสิ่งต่างๆมามากกว่า
กบในกะลาครอบ
- คนที่ขาดวิสัยทัศน์มองเห็นแต่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเท่านั้น
ตัวอย่าง
"เธออยู่แต่ในบ้าน ทีวีก็ไม่ดู หนังสือพิมพ์ก็ไม่ชอบอ่าน เหมือนกบในกะลาครอบ"กรวดน้ำคว่ำขัน
- ตัดขาดไม่คบค้าสมาคนด้วยอีกต่อไป
ตัวอย่าง
"เพื่อนตัวแสบโกงเงินฉันไปเป็นแสนๆ ฉันน่ะกรวดน้ำคว่ำขันเลย"
กระดูกร้องไห้
- การจับตัวฆาตกรมาลงโทษได้หลังจากพบหลักฐานโดยบังเอิญ
ตัวอย่าง
"คดีฆาตกรรมนี้เหมือนกระดูกร้องไห้เลยนะ ใครจะนึกว่าจะจับตัวฆาตกรได้ เรื่องล่วงเลยมาถึงสิบปีแล้ว"
กระต่ายตื่นตูม
- ตื่นกลัวเกินกว่าเหตุ
ตัวอย่าง
"เธออย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปหน่อยเลย เรื่องมันยังไม่เกิด อาจไม่ร้ายแรงอย่างที่คิดก็ได้"
กระต่ายหมายจันทร์
- ชายที่หลงรักหญิงที่สูงส่งกว่าตนและไม่มีทางที่ความรักจะสมหวัง
ตัวอย่าง
"เขาทำตัวเป็นกระต่ายหมายจันทร์ หลงรักลูกสาวเศรษฐี คงจะสมหวังอยู่หรอก"
กระโถนท้องพระโรง
- ผู้ที่ใครๆก็ใช้งานได้ และเป็นที่ระบายอารมณ์ของทุกคน
ตัวอย่าง
"เอะอะก็มาลงที่ฉัน ฉันไม่ใช่กระโถนท้องพระโรงนะ"
กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
- การทำอะไรสองอย่างพร้อมกันโดยไม่รอบคอบหรือชักช้า อาจเกิดความเสียหายได้
ตัวอย่าง
"ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษากำลังรุนแรงขึ้น น่าจะมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่ใช่มัวแต่รอให้ครูสอนให้นักเรียนตระหนักถึงโทษของยาเสพติด เด็กอาจติดยาไปแล้ว กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้"
กินน้ำใต้ศอก
- เสียเปรียบ จำต้องเป็นรอง คอบรับเดนคนอื่น
ตัวอย่าง
"ถึงจะรักเขามากแค่ไหนฉันก็ไม่ยอมกินน้ำใต้ศอกใคร "
กินน้ำเห็นปลิง
- ตะขิดตะขวงใจเมื่อจะทำอะไรซักอย่าง
ตัวอย่าง
"จะให้เราเลือกเขาเป็นศิษย์เก่าดีเด่นได้อย่างไร มันเหมือนกินน้ำเห็นปลิงเพราะรู้ทั้งรู้ว่าเขาฉ้อราษฎร์บังหลวง"
เกลือเป็นหนอน
- คนในบ้านหรือพวกเดียวกัน คิดคดทรยศ
ตัวอย่าง
"แผนการที่เราวางไว้ฝ่ายตรงข้ามรู้หมด สงสัยเกลือเป็นหนอน